ข่าวประชาสัมพันธ์
๑๖ - ๑๘ ๐๒ ๒๕๖๗ { กดดูที่ นี่ + ภาพ } งานปฏิบัติธรรม นำสุข เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์



          .. งานปฏิบัติธรรม นำสุข เพื่อพ้น ทุกข์ ..

                      วันที่ เวลา 

 ...  วัน ศุกร์ ที่ ๑๖ ต่อ วันพระ ขึ้น ๘ คํ่า เดือน ๓ วันเสาร์ ๑๗ เนสิชชิก จนถึงเช้า วัน อาทิตย์ ๑๘ ก.พ. พ.ศ. ๒๕๖๗  ...


.. งานปฏิบัติธรรม นำสุข เพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์ ..
เป็นมหามงคล ต้อนรับ ... ??? ... ใหม่ ...

เพื่อ จะ .. ระลึก ถึง มุทิตา ธรรม และ ธรรม อื่น ๆ

( มุทิตา คือ ความคิด ปรารถนา ที่ว่า ...

ขอ ... ทุก รูป นาม จง อย่า ได้พราก จาก สมบัติ ที่ตน ได้แล้ว ) ..

เพื่อ แสดง มุทิตาจิต แด่ หลวงพ่อแสวง อชิโต ( ชมพูพื้น )

ซึ่ง ท่านเกิด เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๔

ท่าน เป็น ผู้ก่อตั้ง วัดป่าดงใหญ่ บ้านแดงหม้อ ( บ้านเก่าแดง ) เมื่อ วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๗


                               


                                  ผู้สอน

{ จัด การ ฝึกปฏิบัติธรรม โดย .. ผู้ที่ประสบ มรรค ผล สำเร็จทันตา มาแล้ว }

... ที่ จริง ๆ จะ ปฏิบัติธรรม ทุก ๆ วัน อยู่ แล้ว ...


                               โอ้ ... ชาตินี้ ... เรา.. ข้าพเจ้า .. จะพลาดไม่ได้ ซะแล้ว?

                              ผู้ที่จะเข้าร่วมงานนี้ จะมีทั้ง พระภิกษุ ครู แพทย์ หมอ ตำรวจ ทหาร พ่อค้า พยาบาล ข้าราชการ นักวิจัย ผู้บริหาร นักปกครอง วิศวกร นักศึกษา นักเรียน ชาวนา เกษตรกร แม่บ้าน และทุก ๆ ท่านทั้งเด็ก หนุ่ม สาว กลางคน แก่

                     และทุกท่านที่ต้องการพ้นทุกข์ ชนิดรวดเร็ว ทันใจ ไปได้ ดีมาก สมองดี คุ้มค่าในชีวิตที่สุด?


                                                           ... สิ่งที่ควรจะนำไปด้วย ....

กลด เครื่องนอน ( ทางวัด มีจัดให้ บางส่วน ) ยารักษาโรคส่วนตัว ไฟฉาย เครื่องใช้กันหนาว ( ถ้า หนาว )  ส่วนตัว สบู่ ยาสีฟัน ชุดขาวที่จะใช้ภายใน ประมาณ ๒ – ๓ วัน

+ มีร่างกาย + ใจที่พร้อมสรรพด้วย ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา สมถวิปัสสนา อื่นๆ


                                           .... จง มี สุข พ้น จาก ทุกข์ เร็ว ๆ ไว ไว เทอญ ....


ผู้ที่ช่วยติดประกาศ ช่วยอ่าน บอก ส่งข่าว โฆษณา แจ้งต่อ ๆ กันไป จะได้บุญ กุศล มีชื่อเสียงเลื่องลือ ได้ร่วมสร้าง บุญ สร้างบารมีด้วยกัน สาธุ.


                                    
                      วัตถุประสงค์ 


               จัด เพื่อ ...

ระลึก ถึง หลวงพ่อแสวง อชิโต ( ชมพูพื้น ) ท่านเกิด ๑๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๔ หลวงพ่อแสวง ท่าน เป็น ผู้ก่อตั้ง วัดป่าดงใหญ่ เมื่อ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๗

 เพื่อฝึก ตัวเอง ให้ มีความรู้ ความสามรถ แกเ้ ปัญหา ใน ชีวิต


                                                สถานที่ .. คือ

               ณ วัดป่าดงใหญ่ ๑๓๕ หมู่ ๒ บ้านแดงหม้อ ตำบลแดงหม้อ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ๓๔๑๕๐

{ พิกัด วัดป่าดงใหญ่ ณ ที่ศาลา คือ ละติจูด = Latitude ( เส้นรุ้ง = เส้นแนวราบ , นอน ) ๑๕ องศา ๑๖ ลิปดา ๕๔.๒๑ ฟิลิปดา เหนือ *

และ ลองจิจูด = Longitude ( เส้นแวง = เส้นแนวตั้ง , ยืน ) ๑๐๔ องศา ๓๐ ลิปดา ๕.๗๖ ฟิลิปดา ตะวันออก ....

                                     ( 15.281726 , 104.501601 ) กด .. ค้นหา.. ที่ .. แผนที่ .. .

                                                         เส้น ลองจิจูต ๑ องศา เวลา จะ ต่างกัน ๔ นาที }

                                                    ----------------------------

                              ตาราง เวลา การฝึก 
... คือ

          จัด ปฏิ บัติ ธรรม ระหว่าง บ่าย  วันศุกร์ ที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ. ศ. ๒๕๖๗ เป็น วัน เตรียม ตัว หาที่พัก 

ถึง วันพระ อุโบสถ เป็นวัน ที่ ชาวพุทธ จะ ภาวนา หาทางพ้นทุกข์ ตรงกับวัน เสาร์ ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พ. ศ. ๒๕๖๗  ขึ้น ๘ คํ่า เดือน ๓  ปกติมาส ปกติวาร ถึงเช้า วัน อาทิตย์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๓ วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ. ศ. ๒๕๖๗  

  
                                       วันเสาร์ ที่ ๑๗ ถึง เช้า วันอาทิตย์ ที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗

๐๒.๔๕ น. เสียงระฆังปลุกให้ตื่น ให้ทำกิจส่วนตัว ล้างหน้า บ้วนปาก เตรียมตัวไปรวมกันที่ศาลา เพื่อนั่งสมาธิ ภาวนา หรืออาจจะทำวัตรก่อนนั่งสมาธิก็ได้ ถ้า .. เห็นว่า ล่าช้าไม่ตื่น หรือง่วง กันมาก ๆ

๐๔.๐๐ น. ทำวัตร สวดมนต์เช้า อุทิศผลบุญ กุศล แก้นิวรณ์ ๕ อาจจะมีการแสดงธรรมรับอรุณ

๐๕.๐๐ น. เลิก พระภิกษุทำความสะอาดจัดเตรียมที่ฉัน นักปฏิบัติธรรมอาจจะร่วมช่วยด้วยก็จะเป็นการเพิ่มบารมี ดียิ่ง แล้วก็จะไปทำกิจส่วนตัว พระภิกษุ สามเณรก็เตรียมตัวจะออกรับบิณฑบาต ในเวลา ประมาณ ๐๖.๐๐ น.

บางท่าน บางคน อาจจะเดินจงกรมส่วนตัว เปลี่ยนอิริยาบถตามสบาย แต่ จะมีสติรู้ทันกิเลส ตลอด รู้ รู้ รู้ วางตลอด
๐๖.๐๐ น. พระออกรับอาหารบิณฑบาตที่บ้าน ... และบ้านอื่น ๆ ตามสมควร

ส่วนนักปฏิบัติธรรมที่แข็งแรง ก็เตรียมตัวเดินจงกรมภายในที่ ที่จัดให้ ประมาณ ๑ ชั่วโมง เพื่อเสริมสร้างภาคภาวนา บริหารกาย

๐๗.๐๐ น. เริ่มลงทะเบียน หาที่ปักกลด หาที่พัก ตามทางวัดจัดให้ ชายและหญิงให้แยกกัน

๐๗.๓๐ น. เสียงระฆังเล็ก เตือน เพื่อรวมกันที่ศาลา ประกาศวันอุโบสถ สมาทานศีล ๘

รับฟังธรรม ( ถ้า มี )

             ถวายสังฆทาน รับพรอนุโมทนา พิจารณาอาหาร แล้ว ทำวัตรเช้า แบบพิเศษ

พระสงฆ์พิจารณาปัจจเวก ฉัน รับประทานอาหาร อย่างมีสติ มี เสขิยวัตร คือ สิ่งที่ทำให้งามขณะที่ฉันอาหาร
 
๑๑.๐๐ น. แยกย้ายกันไปเดินจงกรม ทำความเพียร ฝึกสมาธิ อ่านหนังสือทำวัตร พิจารณาธรรม
๑๒.๔๕ น. ระฆังรวมกันที่ศาลา หรือที่โรงครัว เพื่อฝึก ศรัทธา สติ วิริยะ สมาธิ วิปัสสนา
๑๔.๐๐ น. ฟังธรรม ( ถ้า มี ) เสริมการภาวนา เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น มีความเห็นถูกต้อง เพิ่มกำลังใจ

๑๕.๐๐ น. ช่วยกันทำความสะอาดบริเวณ ศาลา โรงครัว ห้องน้ำ ทางเดิน สถานที่ ที่จำเป็น
๑๖.๐๐ น. ดื่มน้ำปานะ แล้วรีบสรงน้ำ อาบน้ำ ช่วงนี้อาจจะเดินจงกรมส่วนตัว หรือหาที่พัก
๑๗.๐๐ น. จงกรม มีสติในการเดิน

๑๙.๐๐ น. รวมกันที่ศาลาเพื่อฝึกสมาธิ วิปัสสนา หยุด สกัดจิตที่วิ่งพล่านมานาน ให้หยุด สงบ
๒๐.๐๐ น. ทำวัตร สวดมนต์เย็น เพื่อสร้าง สติ สมาธิ ปัญญา ระเบียบ เคารพกฎ ปรับเสียง
๒๑.๐๐ น. สมาทานศีล ๘ ฟังพระธรรม เกี่ยวกับการฝึก ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา อาจจะอยูเนสัชชิก ไม่นอน ภาวนา ตลอดคืน ในครั้งนี้

                                                    -------------------------------

                           วัน อาทิตย์ ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๓ วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พ. ศ. ๒๕๖๖

๐๒.๔๕ น. เสียงระฆังปลุกให้ตื่น ให้ทำกิจส่วนตัว ล้างหน้า บ้วนปาก เตรียมตัวไปรวมกันที่ศาลา เพื่อนั่งสมาธิ ภาวนา หรืออาจจะทำวัตรก่อนนั่งสมาธิก็ได้ ถ้า .. เห็นว่า ล่าช้าไม่ตื่น หรือง่วง กันมาก ๆ
๐๔.๐๐ น. ทำวัตร สวดมนต์เช้า อุทิศผลบุญ กุศล แก้นิวรณ์ ๕ อาจจะมีการแสดงธรรมรับอรุณ
๐๕.๐๐ น. เลิก พระภิกษุทำความสะอาดจัดเตรียมที่ฉัน นักปฏิบัติธรรมอาจจะร่วมช่วยด้วยก็จะเป็นการเพิ่มบารมี ดียิ่ง แล้วก็จะไปทำกิจส่วนตัว พระภิกษุ สามเณรก็เตรียมตัวจะออกรับบิณฑบาต ในเวลา ประมาณ ๐๖.๐๐ น.

บางท่าน บางคน อาจจะเดินจงกรมส่วนตัว เปลี่ยนอิริยาบถตามสบาย แต่ จะมีสติรู้ทันกิเลส ตลอด รู้ รู้ รู้ วางตลอด
๐๖.๐๐ น. พระออกรับอาหารบิณฑบาตที่บ้าน... และบ้านอื่น ๆ ตามสมควร

ส่วนนักปฏิบัติธรรมที่แข็งแรง ก็เตรียมตัวเดินจงกรมภายในที่ ที่จัดให้ ประมาณ ๑ ชั่วโมง เพื่อเสริมสร้างภาคภาวนา บริหารกาย
๐๗.๔๕ น. เสียงระฆังเล็ก เตือน เพื่อรวมกันที่ศาลา ถวายสังฆทาน รับฟังธรรม ( ถ้า มี ) รับพรอนุโมทนา พิจารณาอาหาร แล้วฉัน รับประทานอาหาร อย่างมีสติ มี เสขิยวัตร คือ สิ่งที่ทำให้งามขณะที่ฉันอาหาร

                                 ............................................................


                                           สำหรับ ผู้ที่ จะฝึกต่อไป

๑๐.๐๐ น. แยกย้ายกันไปเดินจงกรม ทำความเพียร ฝึกสมาธิ อ่านหนังสือทำวัตร พิจารณาธรรม
๑๒.๔๕ น. ระฆังรวมกันที่ศาลา หรือที่โรงครัว เพื่อฝึก ศรัทธา สติ วิริยะ สมาธิ วิปัสสนา
๑๔.๐๐ น. ฟังธรรม เสริมการภาวนา เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น มีความเห็นถูกต้อง เพิ่มกำลังใจ
๑๕.๐๐ น. ช่วยกันทำความสะอาดบริเวณ ศาลา โรงครัว ห้องน้ำ ทางเดิน สถานที่ ที่จำเป็น
๑๕.๓๐ น. ฉัน ดื่มน้ำปานะ บางท่านอาจจะไม่รับ ก็ให้พิจารณาตามสภาพของร่างกาย
๑๖.๐๐ น. สรงน้ำ อาบน้ำ อาจจะอาบน้ำตั้งแต่ก่อนรวมตอนบ่ายโมง แก้ง่วงก็ได้ กันหนาว
๑๗.๐๐ น. นักปฏิบัติธรรมที่แข็งแรงร่วมกันเดินจงกรม อย่างมีสติ ปัญญา พระภิกษุเดินส่วนตัว
๑๘. ๐๐ น. รวมกันที่ศาลา เพื่อฝึก ศรัทธา สติ วิริยะ สมาธิ วิปัสสนา พรหมวิหาร อื่น ๆ
๑๙.๐๐ น. ทำวัตร สวดมนต์เย็น ปรับเสียง เพื่อความเจริญ ในศีล สร้างสติ สมาธิ ปัญญา
๒๐.๐๐ น. ฟังพระธรรม เกี่ยวกับบารมี อริยสัจจ์ ๔ ศีล สมาธิ ปัญญา วิปัสสนา ไตรลักษณ์ ฯลฯ
๐๒.๔๕ น. เสียงระฆังปลุกให้ตื่น ให้ทำกิจส่วนตัว ล้างหน้า บ้วนปาก เตรียมตัวไปรวมกันที่ศาลา เพื่อนั่งฝึกสมาธิ ฝึกภาวนา วิปัสสนา หรืออาจจะทำวัตรก่อนนั่งสมาธิก็ได้ ถ้า เห็นว่า ล่าช้า ไม่ตื่น หรือง่วง กันมาก ๆ
๐๔.๐๐ น. ทำวัตร สวดมนต์เช้า อุทิศผลบุญ กุศล แก้นิวรณ์ ๕ อาจจะมีการแสดงธรรมรับอรุณ
๐๕.๐๐ น. เลิก พระภิกษุทำข้อวัตร ทำความสะอาด จัดเตรียมที่ฉัน นักปฏิบัติธรรมอาจจะร่วมช่วยทำ ข้อวัตร ด้วย ก็จะเป็นการเพิ่มบารมี ดียิ่ง แล้วก็จะไปทำกิจส่วนตัว พระภิกษุ สามเณรก็เตรียมตัวจะออกรับบิณฑบาต ในเวลา ประมาณ
๐๖.๐๐ น. บางท่าน บางคน อาจจะเดินจงกรมส่วนตัว เปลี่ยนอิริยาบถตามสบาย แต่มีสติรู้ทันกิเลสตลอด รู้ รู้ รู้ วางตลอด
๐๖.๐๐ น. พระออกรับอาหารบิณฑบาต ที่ บ้านทุ่ง และบ้านอื่น ๆ ตามสมควร ส่วนนักปฏิบัติธรรมที่แข็งแรง ก็เตรียมตัวเดินจงกรมภายในที่ ที่จัดให้ ประมาณ ๑ ชั่วโมง เพื่อเสริมสร้างภาคภาวนา บริหารกาย
๐๗.๔๕ น. เสียงระฆังเล็ก เตือน เพื่อรวมกันที่ศาลา ถวายสังฆทาน รับฟังธรรม ( ถ้ามี ) รับพรอนุโมทนา พระพิจารณาอาหาร แล้วฉัน โยม รับประทานอาหาร ที่โรงครัว และ ที่ สมควร อย่างมีสติ + มี เสขิยวัตร คือ สิ่งที่ทำให้งามขณะที่ฉันอาหาร

                     ข้อควร  แนะนำ

ถ้า อยาก สบาย ก็น่า จะปิดโทรศัพท์ งดใช้ชั่วคราว ในช่วงเข้าปฏิบัติธรรมเพื่อพ้นจากทุกข์ นี้

.. กำหนดการ ระเบียบ นี้ อาจจะปรับ ดัดแปลงตามความเหมาะสม ก็ได้ โดย พระประสิทธิ์ ฐานะธัมโม ( แววศรี ) เจ้าอาวาส วัดป่าดงใหญ่ บ้านแดงหม้อ ผู้พยายามเรียบเรียง ..

อาจจะมีกิจกรรมเสริม เช่น การสนทนาธรรม การกรอกแบบสอบถาม 
เพื่อการวิมังสา = ตรวจสอบ เพิ่มสติปัญญา การถาม การตอบปัญหาเพื่อช่วยเหลือ อนุโมทนาสาธุในธรรม ไม่เอาชนะกัน ซึ่งก็อาจจะดัดแปลงให้เข้ากับเหตุการณ์ เมื่อได้ปรึกษากันดีแล้ว ทั้งนี้ การกระทำ ต่าง ๆ ก็ขอให้เป็นไปเพื่อความสงบ อยู่ง่าย สันโดษ ไม่มักมาก ไม่ขี้เกียจ ไม่เพิ่มทุกข์ ไม่อยากใหญ่ ไม่เสริมตัณหา แต่เราจะอยู่ง่ายติดธรรมชาติ ( ไม่มักง่าย ) เพื่อประโยชน์ เพื่อความเพียร ขยันละชั่วและสร้างกุศลความดี ความรู้ รู้ยิ่ง 
เพื่อนิพพาน เทอญ.

                     -------------------------------------------------------------------------------------------


                                    .......................................................

                                  ประวัติ หลวงพ่อแสวง อชิโต ( ชื่อเดิม แสวง ชมภูพื้น )
                                                 หรือ พระครูสุนทรพัฒนากร

                                ปัจจุบันได้รับแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่ง ช่วยเหลือ ทางคณะสงฆ์ คือ

๑. ที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลธาตุน้อย - แดงหม้อ ซึ่งมีหน้าที่ที่จะต้องดูแล วัด ที่อยู่ใน ตำบลแดงหม้อ และ ตำบลธาตุน้อย มี จำนวนทั้งหมด ๖ วัด นับ เรียงจาก ทางเหนือน้ำ ชี ( ทิศตะวันตก ) เรียงไปตามทิศทางที่ แม่น้ำชีไหลลงไปสู่แม่น้ำมูล ที่จังหวัด อุบล ฯ ( ทิศตะวันออก ) อันได้แก่ วัดบ้านธาตุน้อย วัดบ้านดินดำ วัดบ้านคำไฮ วัดบ้านทัน วัดบ้านแดงหม้อ และ วัดป่าดงใหญ่
ถนน ๒๔๐๘ เลขที่ ๑๓๕ หมู่ที่ ๒ บ้านแดงหม้อ ตำบลแดงหม้อ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ๓๔๑๕๐

๒. เจ้าอาวาสวัดแดงหม้อ เลขที่ ๗๕ หมู่ที่ ๑ บ้านแดงหม้อ ตำบลแดงหม้อ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ๓๔๑๕๐

                                                                       ……………………………..
           เกิด
                         ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๔๗๔ ที่ บ้านแดงหม้อ ตำบลนาคำใหญ่ ( ต่อมาเปลี่ยนเป็น ตำบล แดงหม้อ ) อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ๓๔๑๕๐ ประเทศไทย

                    ท่านได้สำเร็จการศึกษา ชั้น ประถม ๔ ที่ถือว่าดีที่สุด ในสมัยนั้น เพราะว่า ไม่มีสถานที่ ที่จะเรียน และเป็นสมัยที่กำลังเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง พอดี  พ.ศ. ๒๔๘๘  ในวัยเด็ก หลวงพ่อ ได้สมัครไปรับใช้เป็นลูกศิษย์พระ ที่วัด บ้านแดงหม้อ
( เป็น สังฆะรี หรือ เด็กวัด ) ท่านได้เรียนรู้ ข้อวัตร การเดินจงกรม ฝึกสมาธิ และ เรียนรู้ ปฏิบัติ วิธีการอุปัฏฐากรับใช้พระภิกษุ ครูบาอาจารย์ สามเณร จนคล่อง ....

จะ เห็นได้จาก ท่าน สามารถ สวด บท " พาหุง ฯ " ได้ ตั้งแต่ ยัง เป็น เด็กวัด แล้ว เพราะว่า ได้ยินเสียง พระสงฆ์ สามเณร ใน วัดแดงหม้อ ท่านสวด พาหุง บ่อย ๆ ...ตาม ระเบียบ วัดแดงหม้อ มีอยู่ ว่า ... ในทุก ๆ วันพระ ตอนเช้า ก่อน ที่โยม จะ ใส่บาตร ในวัน ขึ้น ๘ ค่ำ และ แรม ๘ คํ่า.. ในวัน แรม ๑๔ คํ่า วันแรม ๑๕ คํ่า ... วันขึ้น ๑๕ คํ่า ปัจจุบัน นี้ พระสงฆ์ ที่ วัดแดงหม้อ จะต้องสวด อิติปิโส + พาหุง + มหากรุณิโก ฯ + ฯ ให้ จบ ก่อน ..... แล้ว โยม ชาวบ้านแดงหม้อ เกือบจะ ทุก ๆ ครัวเรือน . จึงใส่บาตร ... ด้วยความสงบ ... เพื่อ เป็นการ " เคารพธรรม " { ไม่ใช่ แบบ พระ ก็ สวดไป พร้อม ๆ กับ โยม ก็ใส่บาตร ไปด้วย }

         ชีวิตในวัยหนุ่มของท่าน ก็เป็นไปตามสภาพของพื้นที่ ของภูมิประเทศ ท่านเคยไปทำงานใน โรงเลื่อยไม้ ที่ จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อหาเงินมาใช้ในชีวิต เคยไปขาย น้ำย้อม ( สี ที่ใช้ย้อมผ้า ) ตามหมู่บ้านต่าง ๆ ช่วงที่ไป ขาย น้าย้อม นั้น ส่วนมากก็จะ ไป อาศัยนอนตาม วัด

                                       อุปสมบท
เมื่อ วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๕ ที่ พระอุโบสถ วัดแดงหม้อ ท่านได้เข้าอุปสมบท เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา
ได้ นามว่า แสวง อชิโต

ครั้งหนึ่ง เมื่อหลวงพ่อ แสวง ได้มีโอกาสได้โดยสารเครื่องบิน เป็นครั้งแรกในชีวิต ( ค่าโดยสาร ๙๙ บาท ) ได้ขึ้นเครื่อง จาก สนามบินกรุงเทพ เพื่อที่จะไปสู่สนามบินจังหวัดอุบลราชธานี แต่ว่า เครื่องบินลำนี้จะต้องไป แวะลงจอดที่ สนามบิน จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น จังหวัดสกลนคร ตามลำดับ ณ สนามบิน จังหวัด สกลนคร นี้เอง ใน ขณะ ที่เครื่องบิน กำลัง จะร่อนลงสู่พื้นสนามบิน เจ้าหน้าที่ของเครื่องบินก็ได้ประกาศ แจ้งบอกให้ทุก ๆ คน ในเครื่องบิน ได้ทราบว่า

                    “ เบรก ที่ล้อของเครื่องบิน ได้เกิดแตก ( เบรกเสีย ไม่ทำงาน ) ”
( เครื่องบินจะมีความเร็วสูงมาก สูงกว่าความเร็วของรถยนต์ที่วิ่งตามถนน หลายเท่า ๆ ดังนั้น เมื่อเครื่องบิน จะลงจอดที่สนามบิน เครื่องก็ จะยังมีความเร็วที่สูงมาก เหลืออยู่ ดังนั้น ที่ล้อของเครื่องบิน ก็จึงจะต้องมี เบรก ที่ใช้สำหรับห้ามล้อ ให้ตัวเครื่องบินค่อย ๆ ชะลอความเร็วลง เรื่อย ๆ จนกระทั่งตัวลำเครื่องบิน หยุดนิ่ง เหมือนกับห้ามล้อ หรือ เบรก ของรถยนต์ เหมือนเบรกห้ามล้อของ รถจักรยาน เพื่อ จะให้เบรก เป็น ตัว ช่วย ลด ความเร็ว และ จะช่วย ลด ระยะความยาวของทางวิ่ง ของ เครื่องบิน )

                                                           ......................

และ เมื่อล้อ เครื่องบิน แตะพื้น เบรกของล้อเครื่องบิน ก็เกิดใช้งาน ไม่ได้ ก็ปรากฏว่า เครื่องบินได้วิ่งไปบนพื้นสนามบิน แต่เพราะว่า ไม่มีเบรก ชะลอ ต้าน ให้ตัวลำเครื่องบิน ชะลอๆ ให้ หยุด ตัวเครื่อง ก็จึงได้วิ่งออกนอกสนามบิน วิ่ง ไปบนถนนลูกรัง ที่บริเวณ ข้าง ๆ สนามบิน ปีกของเครื่องบินไปชนกับกระถางดอกไม้ ที่ตั้งอยู่ ใกล้ ๆ สนามบิน จังหวัดสกลนคร จนตก แตก

                 ในขณะที่ เบรก เครื่องบิน แตก นั้น หลวงพ่อแสวง ท่าน ได้ ตั้งสติ บวก กับ กำหนดรู้ และเมื่อเครื่องบิน วิ่งถลาไปจนสุดแรง  แรงเฉื่อย  สุดแรงส่ง แล้ว   ....  หวาดเสียว ๆๆ    .... 

       เมื่อเครื่องบินจอดนิ่ง ผู้โดยสาร ประมาณ ๓๓ คน นักบิน หนึ่งคน ผู้ช่วยนักบินอีกหนึ่งคน ผู้บริการผู้หญิงอีกสองคน ต่างก็นั่ง เงียบ กริบ ๆๆๆ 

                หลวงพ่อแสวง เมื่อกำหนดรู้อย่างมีสติแล้ว จึงได้ลุกขึ้น เพื่อจะเปิดประตูทางออกที่อยู่ใกล้ๆ ที่นั่งของหลวงพ่อ แสวง 
                                                     ท่านเล่าว่า ถ้า เครื่องบิน มี ไฟลุก ขึ้น ก็จะออกทางประตู

            ไม่นาน บรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามบิน จำนวนมาก ต่างก็ถือเครื่องดับเพลิง กรูกันมาเพื่อจะดับเพลิง ที่คาดว่า ไฟอาจจะลุกไหม้ท่วมลำเครื่องบิน 

                   หลวงพ่อบอกว่า 
      " ตอนนี้ ดู น่ากลัว กว่า ตอนที่เครื่องบินกำลังเซถลา เมื่อตอนขณะที่กำลัง เบรก แตก ซะอีก..? " 

เพราะคนมาช่วย เยอะ มาก

                                            สุดท้าย ทุกรูป ทุกนาม ก็ปลอดภัย .................. 

ต่อจากนั้น ก็ได้รับการเปลี่ยนเครื่องบินลำใหม่ หลวงพ่อแสวง และผู้โดยสารก็เปลี่ยนเครื่อง นั่งเครื่อง ไป ที่สนามบิน จังหวัดนครพนม แล้ว สุดท้ายก็ มาลง ที่สนามบินจังหวัด อุบลราชธานี อย่างปลอดภัย

... ดาวน์โหลดไฟล์ ขนาดไฟล์ 315.35 KB
โพสเมื่อ : 16 ก.พ. 2557,16:15 อ่าน 1266 ครั้ง { ๑๕ ก.พ. ๖๒ }

..... เพื่อ จะ อ่าน เก็บไว้ กดที่ ... http://www.webwat.in.th/site/download-file.php?doc_id=1489

..........................................................................

--------------------------------------------------------------------------

--------------------------------------------------------------------------






มีขั้นตอนการภาวนา + สาเหตุที่เราไม่บรรลุธรรม มาเติมด้วย


-  สรุป ขั้นตอนการบรรลุ นิพพาน   เริ่มจาก ต่ำๆ ไป หาสูงๆ    เริ่มจากง่ายๆ ไปหา ยากๆ     ถ้า.. เราทำตรงกันข้าม ก็ไม่บรรลุง่าย  

  ถ้า ทำได้  ถ้า ทำได้ดีมาก ให้เติม  ๔  ทำได้ดี เติม ๓  ทำได้ปานกลางเติม ๒   ทำได้น้อย เติม ๑  ทำไม่ได้เลย เติม ๐  ลงที่ ....ที่หน้า เลข ๑ – ๘                                                

   ... ๘.  ใช้ปัญญา มาพิจารณา ร่างกาย หรือรูป และใช้ปัญญามาพิจารณาใจ หรือนาม  ทั้งภายนอก ใน ทุกๆเวลา ทุกๆ ที่  จนรู้ว่าทุกๆ อย่าง ว่าเป็นไตรลักษณ์ ( ยกเว้นนิพพาน ที่ไม่เป็นไตรลักษณ์  จะสุข  เที่ยง )   คือ ล้วนแต่อยู่ภายใต้ ความทุกข์  ( ทุกขัง = บีบคั้น   ทรมาน  ทนได้ยาก  แปรปรวน   ตรงกันข้ามกับสุข ),   รู้ว่ารูป นาม  อยู่ภายใต้ ความไม่แน่ ( อนิจจัง  = ตั้งอยู่ บ้าง  ดับไปบ้าง   เปลี่ยนแปลงบ้าง  ชั่วคราวบ้าง  ขัดแข้งกับความเที่ยงบ้าง ),  รู้ว่ารูป นาม  อยู่ภายใต้ การบังคับเอาตามใจไม่ได้ ( อนัตตา = ว่างเปล่า   จะมีเจ้าของก็มีเพียงเฉพาะแต่ มีแบบ สมมุติเอา    แต่..จะไม่มีเจ้าของในแบบที่แท้จริง ( จะมีก็เพียง รูป นาม เท่านั้น  ไม่ใช่ไม่มี   มีอยู่)  จะบังคับเอาตามใจไม่ได้   มีเหตุมีผล  เมื่อมีการกระทำ ก็จะต้อง มีผล   ตรงกันข้ามกับอัตตา    ( อัตตา = จะบังคับเอาตามใจ เมื่อไหร่? ก็ได้ ) ) ...

    แล้ว ก็ให้พยายามน้อมจิตเข้าไปหา อาสะวักขะยะญาณ  คือญาณที่จะฆ่ากิเลสจนหมด  เพื่อจะได้ใช้ปัญญาอย่างเต็มที่  จนรู้จัก อริยสัจจ์ทั้ง ๔ คือ ๑. รู้จักทุกข์ คือ รู้ปัญหา,  ๒. รู้จักสมุทัย คือ รู้ตัณหา , ๓.  รู้จักนิโรธ คือรู้นิพพาน,  ๔.  รู้จักมรรค คือรู้ศีล สมาธิ ปัญญา,  จนปล่อย  วางหมดทุกรูป ทุกนาม วางแบบไม่ต้องถือ  นิพพาน  แต่เวลาปกติก็ทำหน้าที่ดี ๆไป...   หรือ   คือ รู้ในขั้นที่  ๑.   รู้ ว่าอริยสัจจ์ ๔  คืออะไร? ( สัจจะญาณ = รู้ความจริง  เนื้อหา  เรื่องราว )    เช่น๑.  รู้ในทุกข์ ว่า คือปัญหา  ความทุกข์,   ๒.  รู้ในสมุทั ว่า คือต้นเหตุ  สาเหตุของทุกข์ โดยรู้ว่ามี ความอยากหรือ ตัณหาทั้ง ๓  ที่จะเป็นต้นเหตุ  เป็นสาเหตุของทุกข์     ( ตัณหา ๓  คือมี   ๑.  อยากเกิน ในกาม   ๒.  อยากเกินในความมี ความเป็น   ๓.   อยากเกินในความไม่อยากมี  ไม่อยากเป็น ),   ๓. รู้ในนิโรธ คือ ดับทุกข์ ดับตัณหา หรือนิพพาน,  ๔.   รู้ในมรรคทั้ง ๘  ว่า มีอะไรบ้าง   มีกี่ข้อ  รายละเอียดเป็นอย่าง ไร?  นี่คือรู้ สัจจะญาณ  คือ รู้ว่า อะ ไร เป็นอะไร?  ( จะทำอะไร? )

                 รู้ในขั้นที่  ๒.  รู้ ว่าจะทำอย่างไร?  ( กิจจะญาณ = รู้ว่า จะต้องทำอย่างไร ใน ทุกข์   สมุทัย   นิโรธ   ใน มรรค นั้น )   เช่น  ในทุกข์ ก็รู้ว่าจะต้องกำหนดรู้จักทุกข์ให้ได้,      ในสมุทัยก็รู้ว่าจะต้องละตัณหาทั้ง ๓ ให้ได้,   ในนิโรธก็รู้ว่าจะต้องทำนิโรธ หรือนิพพานให้แจ้งชัดให้ได้,      ในมรรคก็ รู้ว่าจะต้องเจริญมรรคให้ได้   นี่ คือรู้ ในขั้น  กิจจะญาณ คือ รู้ว่า เป็นอย่างไร?   จะต้องทำอย่างไร  จะ จะ จะ ต้องทำให้ได้,    ( ขั้นกำลังทำ )

Word Document ดาวน์โหลดไฟล์   ขนาดไฟล์ 107.5 KB
โพสเมื่อ : 17 ก.พ. 2566,14:15   อ่าน 288 ครั้ง